เศร้า คือ อารมณ์ที่เกิดได้กับคนทั่วๆไปเวลาที่เราเกิดการสูญเสีย การถูกปฏิเสธ ความผิดหวัง ทุกคนมีอารมณ์เศร้าได้ทั้งนั้น แต่เศร้าที่เป็นภาวะซึมเศร้านั้นจะต่างออกไป ส่วนใหญ่เกิดจากการคาดการล่วงหน้า คิดไปเอง หรือถ้าเป็นเหตุการณ์จริง ก็มักมีอารมณ์เศร้านานเกินไป มากเกินไป ให้กำลังใจก็ไม่ดีขึ้น มักมีความคิดด้อยค่า รู้สึกผิด โทษตัวเอง และอารมณ์เศร้านี้ส่งกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวัน การดำเนินชีวิต การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ภาวะซึมเศร้ามักนำไปสู่โรคและอาการต่างๆได้ดังนี้
–โรคซึมเศร้าเรื้อรัง
-ไร้ความสามารถในการทำงาน
-ปัญหาการเข้าสังคม
-บกพร่องการทำกิจวัตรประจำวัน
-ลดคุณภาพชีวิตโดยรวม
องค์การอนามัยโลก(WHO)รายงานว่าปัจจุบันมีประชากรมากกว่า 300 ล้านคน หรือ ประมาณ ร้อยละ 4.4 มีภาวะซึมเศร้า/โรคซึมเศร้า
ในปี 2551 คนไทยเป็นโรคซึมเศร้า 1.5 ล้านคนประเทศไทยมีการสูญเสียจากการฆ่าตัวตายเฉลี่ย 6 คนต่อประชากร 100,000 คน
โรคซึมเศร้ามีสาเหตุที่ประกอบกันหลายประการ ได้แก่
– พันธุกรรม คิดเป็นร้อยละ 37
– ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม หรือ วัฒนธรรม เช่น การเลี้ยงดู เศรษฐกิจ ความผิดหวัง ความสัมพันธ์
– ปัจจัยทางชีวภาพ (ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง)
กลุ่มโรคซึมเศร้า สามารถแยกได้หลายโรค โดยแต่ละโรคมักมีอารมณ์เศร้าเป็นอาการเด่น ดังนี้
1. โรคซึมเศร้า (major depressive disorder)
2. โรคซึมเศร้าเรื้อรัง (persistent depressive disorder / dysthymia)
3. โรค premenstrual dysphoric disorder
4. โรค disruptive mood dysregulation disorder
5. โรค substance / medication-induced depressive disorder
6. โรค depressive disorder due to another medical condition
7. โรค other specified depressive disorders
ดังนั้นการจะระบุว่า“เป็นโรคซึมเศร้า” มักต้องผ่านการตรวจวินิจฉัยจากจิตแพทย์เสียก่อน เพราะอารมณ์เศร้านั้น เข้าได้กับหลายโรคทางจิตเวช หรือคุณอาจไม่ได้ถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าก็ได้ ในปัจจุบันเราสามารถใช้แบบประเมินออนไลน์เพื่อคัดกรองตนเองได้ที่นี่
“การรักษาโรคซึมเศร้าที่ได้ผลดี ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์และทำจิตบำบัดควบคู่ไปด้วย จิตบำบัดที่ได้รับการรับรองให้ใช้สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า คือ Cognitive Behavioral Therapy (CBT)”

